การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ หมายถึง กระบวนการต่างๆ และระบบงานที่ช่วยให้ได้สารสนเทศหรือข่าวสารที่ต้องการ โดยจะรวมถึง
1. เครื่องมือและอุปกรณ์ต่างๆ
หมายถึง เครื่องคอมพิวเตอร์ เครื่องใช้สำนักงาน อุปกรณ์คมนาคม
ต่างๆ
รวมทั้งซอฟต์แวร์ทั้งระบบสำเร็จรูปและพัฒนาขึ้นโดยเฉพาะด้าน
2. กระบวนการในการนำอุปกรณ์เครื่องมือต่างๆ
ข้างต้นมาใช้งาน รวบรวมข้อมูล จัดเก็บประมวลผล
และแสดงผลลัพธ์เป็นสารสนเทศในรูปแบบต่างๆ
ที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ต่อไป
ในปัจจุบันการใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทุกองค์กร
การเชื่อมโยงสารสนเทศ
ผ่านทางคอมพิวเตอร์
ทำให้สิ่งที่มีค่ามากที่สุดของระบบ คือ ข้อมูลและสารสนเทศ อาจถูกจารกรรม ถูก
ปรับเปลี่ยน
ถูกเข้าถึงโดยเจ้าของไม่รู้ตัว ถูกปิดกั้นขัดขวางให้ไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลได้
หรือถูกทำลายเสีย
หายไป
ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ไม่ยากบนโลกของเครือข่าย โดยเฉพาะเมื่อยู่บนอินเทอร์เน็ต
ดังนั้นการมีคุณธรรม และจริยธรรมในการใช้เทคโนโลยีจึงเป็นเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กัน มีรายละเอียดดังนี้
- ไม่ควรให้ข้อมูลที่เป็นเท็จ
- ไม่บิดเบือนความถูกต้องของข้อมูล
ให้ผู้รับคนต่อไปได้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง
- ไม่ควรเข้าถึงข้อมูลของผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต
- ไม่ควรเปิดเผยข้อมูลกับผู้ที่ไม่ได้รับอนุญาต
- ไม่ทำลายข้อมูล
- ไม่เข้าควบคุมระบบบางส่วน
หรือทั้งหมดโดยไม่ได้รับอนุญาต
- ไม่ทำให้อีกฝ่ายหนึ่งเข้าใจว่าตัวเองเป็นอีกบุคคลหนึ่ง
ตัวอย่างเช่น การปลอมอีเมล์ของผู้ส่งเพื่อให้
ผู้รับเข้าใจผิด เพื่อการเข้าใจผิด
หรือ ต้องการล้วงความลับ
- การขัดขวางการให้บริการของเซิร์ฟเวอร์
โดยการทำให้มีการใช้ทรัพยากรของเซิร์ฟเวอร์จนหมด หรือ
ถึงขีดจำกัดของมัน ตัวอย่างเช่น
เว็บเซิร์ฟเวอร์ หรือ อีเมล์เซิร์ฟเวอร์ การโจมตีจะทำโดยการเปิดการเชื่อมต่อ
กับเซิร์ฟเวอร์จนถึงขีดจำกัดของเซิร์ฟเวอร์
ทำให้ผู้ใช้คนอื่นๆ ไม่สามารถเข้ามาใช้บริการได้
- ไม่ปล่อย หรือ
สร้างโปรแกรมประสงค์ร้าย (Malicious Program) ซึ่งเรียกย่อๆว่า
(Malware) เป็น
โปรแกรมที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อทำการ
ก่อกวน ทำลาย หรือทำความเสียหายระบบคอมพิวเตอร์เครือข่าย
โปรแกรมประสงค์ร้ายที่แพร่หลายในปัจจุบันคือ
ไวรัสเวิร์ม และม้าโทรจัน
- ไม่ก่อความรำคาญให้กับผู้อื่น
โดยวิธีการต่างๆ เช่น สแปม (Spam) (การส่งอีเมลไปยังผู้ใช้จำนวน
มาก โดยมีจุดประสงค์เพื่อการโฆษณา)
- ไม่ผลิตหรือใช้สปายแวร์
(Spyware) โดยสปายแวร์จะใช้ช่องทางการเชื่อมต่อทางอินเตอร์เน็ตเพื่อ
แอบส่งข้อมูลส่วนตัวของผู้นั้นไปให้กับบุคคลหรือองค์กรหนึ่งโดยที่ผู้ใช้ไม่ทราบ
กรณีศึกษา เรื่องจริยธรรมของนักสารสนเทศ และ
กฏหมายที่เกี่ยวข้องกับระบบสารสนเทศ
เป็นที่ทราบกันดีว่า “คอมพิวเตอร์”
หรือ “อินเทอร์เน็ต” มีประโยชน์มหาศาล
แต่ก็มีโทษมหันต์เช่นกัน
ขึ้นอยู่กับคนที่ใช้ว่าใช้คอมพิวเตอร์หรืออินเทอร์เน็ตไปในทางสร้างสรรค์หรือทำลายล้าง
แต่ถ้าพูดถึงด้านการใช้คอมพิวเตอร์หรืออินเทอร์เน็ตไปในทางที่ผิด
ก็มีตัวอย่างให้เห็นเป็นข่าวครึกโครมอยู่บ่อยครั้งกับกรณีที่มีผู้ไม่หวังดีใช้คอมพิวเตอร์หรืออินเทอร์เน็ตเป็นเครื่องมือในการหลอกลวงหญิงสาวไปข่มขืนและชิงทรัพย์
จากเหตุการ์ที่เกิดขึ้นจริงเมื่อวันที่ 19 ต.ค. 2549 ที่ผ่านมา ตำรวจได้ตาม ตะครุบตัว
นายหนึ่ง (นามสมมุติ) อายุ 38 ปี
หลังจากได้ร่วมกับพรรคพวกที่ยังหลบหนี หลอกลวงหญิงสาวผู้เสียหายที่รู้จักกันทางอินเทอร์เน็ตผ่านโปรแกรมแชต
(Chat) โดยมีการแลกเบอร์โทรศัพท์และนัดเจอกัน
สุดท้ายก็ไปจบลงตรงที่เหยื่อถูกบังคับข่มขืนจนยับเยิน
แถมยังบังคับให้เหยื่อโทรศัพท์ไปบอกญาติโอนเงินมาให้อีกกว่า 1 แสนบาท ก่อนจะพาร่างอันสะบักสะบอมของเหยื่อไปปล่อยทิ้งไว้
ถัดมารุ่งเช้า “จิ้งจอกสังคม”ออกปฏิบัติการอีก โดยใช้ “แชตออนไลน์” เป็นเครื่องมือเหมือนเดิม พูดคุยหลอกล่อเหยื่อสาวซึ่งเป็น
นักศึกษาวิทยาลัยพยาบาลแห่งหนึ่งจนตายใจ แล้วใช้แผนสองนัดแนะเจอกัน
เมื่อเหยื่อสาวหลงเชื่อยอมซ้อนมอเตอร์ไซค์ไปด้วย
โดยพาเหยื่อเลี้ยวเข้าอพาร์ตเมนต์ไปบังคับข่มขืนใจ ก่อนจะชิ่งหนีลอยนวล ซึ่งจากกรณีศึกษาดังกล่าว
จะเห็นแล้วว่ามหาภัยจาก “แชตออนไลน์” น่ากลัวและอันตรายเพียงใด
หากถูกใช้เป็นเครื่องมือในการก่ออาชญากรรม เหยื่อบางรายอาจจะ “โชคดี” ในความ “โชคร้าย”
ที่แม้จะถูกล่วงละเมิดทางเพศ แต่ก็ยังสามารถเอาชีวิตรอดกลับบ้านได้
ในขณะที่หลายรายอาจไม่โชคดีเช่นนั้น
1. จากกรณีศึกษาข้างต้นมีปัญหาที่เกิดขึ้นอะไรบ้าง
ให้ระบุออกเป็นข้อ ๆ อย่างชัดเจน
1.1.ตัวบุคคลไม่คำนึงถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้น
1.2.ใช้ Internet ในทางที่ผิดจรรยาบรรณ
1.3.การใช้สื่อในทางที่ผิด
1.4.ไม่สามารถวิเคราะห์ ข้อมูล หรือ เจตนา
ของฝ่ายตรงข้ามได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่
1.5.อัตราเสี่ยงในการถูกล่อลวงและละเมิดทางเพศมีสูง
2. วิเคราะห์ปัญหาในแต่ละข้อ
ว่าน่าจะมีสาเหตุมาจากอะไรบ้าง
2.1 ปัญหาที่เกิดจากตัวบุคคลเองที่ไม่คำนึงถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้น
การสนทนาผ่านอินเตอร์เน็ตมนปัจจุบันมีการใช้อย่างหลากหลาย
โดยเฉพาะในกลุ่มของวัยรุ่นที่มีค่านิยมที่ผิดหลงเชื่อคนงายไม่คำนึงถึงปัญหาที่เกิดขึ้น
ไว้ใจคนอื่นที่ยังไม่รู้จักเป็นอย่างมาก ทั้งนี้สาเหตุที่กล่าวมาข้างต้น อาจมาจากการที่วัยรุ่นบางคนได้รับค่านิยมที่ผิดๆ
คิดว่าบุคคลอื่นที่เป็นคู่สนทนามีความเชื่อใจได้มาก
ขาดความดูแลเอาใจใส่จากพ่อแม่ผู้ปกครอง ขาดประสบการณ์ และไม่ได้รับคำแนะนำจากคนใกล้ชิด
2.2 การใช้ Internet ที่ผิดจรรยาบรรณ
จากตัวอย่าง ในการใช้ Internet ที่ผิดกฏหมายของกรณีตัวอย่าง
เป็น การใช้คอมพิวเตอร์ทำให้ผู้อื่นเกิดความเสียหาย ทั้งร่างกาย และ จิตใจ
เนื่องจากในโลกของ Internet ผู้ที่ถูกล่อลวงไปนั้น
ไม่ทราบว่า ตนเองถูกล่อลวงไปทำมิดี
มิร้ายจนทำให้ผู้ร้ายเกิดการชะล่าใจในการกระทำความผิด
2.3 การใช้สื่อในทางที่ผิด ในยุคแห่งการสื่อสารที่ทันสมัย
ไม่ว่าจะอินเตอร์เน็ตหรือโทรศัพท์ นอกจากผู้ใช้จะได้รับประโยชน์แล้ว
ยังให้โทษหรือผลเสียจากการใช้ผิดประเภท ผิดวัตถุประสงค์อย่างคาดไม่ถึง
ซึ่งจากกรณีศึกษานี้โปรแกรมแชตออนไลน์ที่วัยรุ่นส่วนมากใช้สนทนากัน เช่น
เอ็มเอสเอ็นและแคมฟรอก รวมถึงเกมออนไลน์ต่างๆ
สิ่งเหล่านี้ล้วนส่งผลกระทบต่อพฤติกรรมของวัยรุ่น เนื่องจากเกิดการติดงอมแงม
เลิกไม่ได้ และหากไม่ได้เล่นก็จะเหงา เศร้า
บางรายอาจมีพฤติกรรมก้าวร้าวและชอบใช้กำลังร่วมด้วย
“เทคโนโลยีที่ก้าวหน้าในปัจจุบันมีกล้องที่สามารถติดต่อคุยกันหรือโชว์อวัยวะเพศกันสดๆ
ยิ่งเพิ่มความตื่นเต้นเร้าใจขึ้นไปอีก
ที่น่าเป็นห่วงก็คือในสมัยก่อนจะกระทำกันในเฉพาะห้องส่วนตัว
แต่ปัจจุบันแม้กระทั่งร้านอินเตอร์เน็ตก็ไม่มีใครอาย นี่คือตัวอย่างการใช้เทคโนโลยีที่ผิด
ส่วนผลที่ตามมาอาจจะมีการอัดวิดีโอเพื่อทำเป็นคลิปโพสต์ตามเว็บไซต์ต่างๆ
สร้างความเดือดร้อนและอับอายแต่ตนเองและครอบครัว”
2.4 การแชตทางอิเตอร์เน็ตมีความเสี่ยงต่อการถูกหลอกได้ง่าย
เพราะการแชตเป็นการสนทนาที่ไม่สามารถรู้ได้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่
ต่างฝ่ายต่างไม่เคยเห็นหน้ากันมาก่อน
จึงมีการแลกเปลี่ยนเบอร์เพื่อที่จะทำความรู้จักกันมากขึ้น
นำไปสู่ปัญญาที่ไม่อาจคาดคิดได้
2.5
การหลงเชื่อคนง่ายในการสนทนาออนไลน์จะเป็นอัตราเสี่ยงที่ทำให้ถูกล่อลวงจนทำให้เป็นสาเหตุที่เกิดภัยและการแชตเพื่อหาเพื่อนคุยจากเวลาว่างของวัยรุ่นโดยทั่วไปมักจะใช้การแชตออนไลน์และการเล่นเกมหรือกระทำการต่างๆโดยใช้อินเตอร์เน็ตจนทำให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินชีวิตไปแล้ว
จึงทำให้เป็นอัตราที่มีความเสี่ยงในการถูกกระทำการล่อลวงและถูกละเมิดทางเพศสูง
3. ท่านจะแก้ปัญหาจากกรณีศึกษานี้อย่างไร
ขอให้เสนอวิธีการแก้ปัญหาที่สามารถปฏิบัติได้จริงโดยอ้างอิงจากเนื้อหาสาระ
ทฤษฎีที่เรียน
3.1 ความรอบรู้แห่งตน (Personal Mastery) ในการใช้อินเตอร์เน็ตหรือการสนทนาของวัยรุ่นควร
มีความรู้และรู้จักการให้ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด และที่สำคัญควรรู้จักการตัดสินใจคิดวิเคราะห์ที่มีหลักการ
ควรมีการพิจาราอย่างรอบด้าน
3.2 คิดเป็นแบบแผน (Mental Models) ในการใช้อินเตอร์เน็ตหรือการสนทนา
จากตัวตัววัยรุ่นเองควรมีการพิจารณาคิดอย่างมีหลักการและควรคิดให้รอบคอบ
สามารถนำความรู้ที่ฝังอยู่ในคน (Tacit Knowledge)
3.3 สร้างภูมิคุ้มกันจากครอบครัวและสังคม
3.4 สื่อในฐานะที่มีบทบาทชี้นำ ยกระดับ ถ่ายทอดวัฒนธรรม
และสะท้อนปัญหาก็ควรทำหน้าที่เชิงรุก เพราะเป็นผู้ที่รู้ข้อมูลอยู่แล้ว
ต้องเป็นฝ่ายกระตุ้นให้ผู้ปกครองลุกขึ้นมา
เตือนลูกหลานและหาวิธีการป้องกันที่เป็นปัญหาที่เกิดจากต้นเหตุและไปหาข้อสรุปที่ปลายเหตุของปัญหานั้น
3.5 ไม่ควรไว้ใจคนง่าย
ควรทำความรู้จักกันให้มากก่อนที่จะแลกเบอร์หรือนัดพบกันตามลำพัง
3.6
ในการแก้ปัญหาจะทำโดยจะต้องมีความเชื่อในตัวเองไม่หลงเชื่อคนง่ายและควรใช้เวลาว่างส่วนใหญ่เปลี่ยนไปทำสิ่งใหม่ๆและจะใช้หลักการวิเคราะห์ในลักษณะความรู้ที่ไม่ชัดเจนความรู้ในคนคือบางสิ่งบางอย่างในความคิดของบุคคล
บุคคลอื่นก็ไม่สามารถทราบความคิดของบุคคลนัน้ได้จึงทำให้การใช้หลักการวิเคราะห์นี้เป็นการวิเคราะห์ที่ช่วยทำให้ลดอัตราความเสี่ยงการเกิดการล่อลวงและล่วงละเมิดทางเพศได้ในด้านการเปลี่ยนทิศทางความคิดของตัวบุคคล
4. การตัดสินใจเลือกวิธีการแก้ปัญหานั้น
ๆ ขอให้เสนอเหตุผลมาสนับสนุนว่าเพราะเหตุใดจึงตัดสินใจเช่นนั้น
- ความรอบรู้แห่งตน (Personal Mastery) เพราะ การสนทนาบนโลกออนไลน์มีทั้งประโยชน์และโทษ จึงควรมีความรู้รอบด้านที่มาใช้ในการตัดสินใจ
และรู้จักป้องกันตนเอง ทั้งนี้ทั้งนั้น
หนทางในการแก้ไขปัญหาจึงไม่ใช้หน้าที่ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
แต่ตกเป็นของทุกฝ่ายที่ต้องช่วยกันแก้ไขปัญหา โดยเฉพาะพ่อแม่
ผู้ปกครองที่มีความใกล้ชิดกับวัยรุ่นมากที่สุด ต้องให้ความเข้าใจ และไว้วางใจกับเด็ก
เพื่อบรรเทาปัญหาและสามารถแก้ไขปัญหาได้ตรงจุด
-การใช้สื่อในทางผิดกฎหมายในปัจจุบันนี้ถือว่าเป็นปัญหาที่สำคัญปัญหาหนึ่งในระดับสังคมซึ่งยากที่จะแก้ไขได้เพราะเทคโนโลยีได้ก้าวหน้าไปเรื่อยๆ
ที่เลือกสถาบันครอบครัวมาช่วยในการแก้ปัญหานี้ก็เพราะว่า ครอบครัวมีความสำคัญยิ่งที่จะคอยสอดส่องดูแลบุตรหลานในการประพฤติปฏิบัติตัวในการดำรงชีวิตในสังคม
และสื่อก็เป็นตัวนำเสนอเหตุการณ์หรือข้อคิดดีๆเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นว่าปัญหาที่เกิดในปัจจุบันนี้ได้ส่งผลกระทบในเรื่องใดบ้างแล้วจะมีปัญหาอะไรตามมา
ครอบครัวก็จะได้
- เพราะหลักการวิเคราะห์จะช่วยทำให้ลดอัตราความเสี่ยงการเกิดการล่อลวงและล่วงละเมิดทางเพศได้ในด้านการเปลี่ยนทิศทางความคิดของตัวบุคคล
5.สรุป
จากการใช้ทฤษฎีในด้านความรู้ที่ไม่ชัดในด้านความรู้ในคนจะช่วยทำให้สามารถวิเคราะห์เกี่ยวกับความคิดในตัวของแต่ละบุคคลที่จะวิเคราะห์ถึงความจริงหรือเท็จในคำกล่าวที่ได้ทราบถึงข้อมูลที่บุคคลนั้นได้กล่าวมา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น